AOT ชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาความแออัดคับคั่ง และการเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศ
ตามที่นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 พาดพิงปัญหาความแออัดคับคั่ง ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในการรองรับนักท่องเที่ยวบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ชี้แจงการดำเนินการ เพื่อรองรับนโยบายการเปิดประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงนโยบายการเปิดประเทศของจีน ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ได้คลี่คลายลง ส่งผลให้มีปริมาณการเดินทางทางอากาศของประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยโดยใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) และท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ห่วงโซ่อุปทานด้านการบิน ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดปัญหาความแออัดคับคั่งของผู้โดยสาร โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน (Peak Hour) โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจสภาพปัญหาความแออัดคับคั่งของผู้โดยสาร ณ ทสภ. พร้อมมอบนโยบายการแก้ไขปัญหา ซึ่งในส่วนของ ทสภ.ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดได้เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวในด้านต่างๆ รวมถึงได้เปิดให้บริการจุดเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (Common Use Self Check-In: CUSS) และจุดโหลดกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop: CUBD) บริเวณโถงผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร ทสภ.เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความแออัดคับคั่งบริเวณเคาน์เตอร์เช็กอินตามนโยบายรัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานมีความพร้อมทั้งมาตรการให้บริการจราจรทางอากาศและการให้บริการภาคพื้น เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ภายหลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มจะมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจากข้อมูลปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารของ AOT (ตั้งแต่วันที่ 8 - 31 มกราคม 2566) AOT มีเที่ยวบินในภาพรวม จำนวน 43,300 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 1,800 เที่ยวบิน/วัน และผู้โดยสารในภาพรวม 6.89 ล้านคน หรือเฉลี่ย 287,000 คน/วัน โดยเป็นเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 25,690 เที่ยวบิน และผู้โดยสารจำนวน 4.3 ล้านคน ซึ่ง AOT มีเที่ยวบินเส้นทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2,000 เที่ยวบินหรือเฉลี่ย 80 เที่ยวบิน/วัน โดยมีผู้โดยสาร จำนวน 255,000 คน หรือเฉลี่ย 11,000 คน/วัน ซึ่งเป็นเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 1,126 เที่ยวบิน และผู้โดยสารขาเข้า-ขาออก จำนวน 238,374 คน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ พบว่าในเดือนมกราคม 2566 มีปริมาณเที่ยวบินเฉลี่ย 829 เที่ยวบิน/วัน ฟื้นตัวร้อยละ 84 แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 561 เที่ยวบิน/วัน ฟื้นตัวร้อยละ 139 และเที่ยวบินภายในประเทศ 268 เที่ยวบิน/วัน ฟื้นตัวร้อยละ 24 และมีผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออก เฉลี่ย 138,287 คน/วัน ฟื้นตัวร้อยละ 317 แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 101,551 คน/วัน ฟื้นตัวร้อยละ 981 และผู้โดยสารภายในประเทศ 36,736 คน/วัน ฟื้นตัวร้อยละ 55 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565
จากการประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการภาคพื้นทั้ง 2 ราย (TG และ BFS) ที่ใช้เวลามากกว่า 30 นาที เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งมีประมาณ 50 เที่ยวบินต่อวัน ปัจจุบัน (เดือนกุมภาพันธ์ 2566) ลดลงเหลือประมาณ 15 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งจะเห็นว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ โดยการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนนั้น บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้น ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้ง 2 ราย มีการเพิ่มจำนวนบุคลากรและอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากการเปิดประเทศ รวมทั้ง AOT ได้ขยายระยะเวลาให้บางสายการบินบริการภาคพื้นด้วยตนเอง (Self Handling) เป็นการชั่วคราว สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาว AOT อยู่ระหว่างการสรรหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายที่ 3 เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตได้อย่างยั่งยืนการเตรียมการแก้ไขปัญหาความแออัดคับคั่ง บริเวณพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางและจุดตรวจค้น (Security Screening) ภายในอาคารผู้โดยสาร ทสภ.ในอนาคต ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงพื้นที่จุดตรวจหนังสือเดินทางทั้งขาเข้า-ออก โดยจะเพิ่มช่องตรวจในรูปแบบ Auto Channel รวมถึงเพิ่ม New Priority Zone เพื่อเพิ่มพื้นที่และเพิ่มจำนวนช่องตรวจหนังสือเดินทางและจุดตรวจค้น ตลอดจนเพิ่มพื้นที่ Visa on Arrival ที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) และเพิ่ม Pre-Immigration Kiosk ที่อาคารผู้โดยสารหลัก และอาคาร SAT-1 ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวจะพร้อมให้บริการในเดือนกันยายน 2566 และในปี 2567 จะเปิดให้บริการพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาเข้า Visa on Arrival และพื้นที่จุดตรวจหนังสือเดินทางขาเข้า บริเวณสวนไผ่ ชั้น 2 ทสภ.สำหรับความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ขณะนี้ AOT ได้ดำเนินงานก่อสร้างอาคาร SAT-1 เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการทดสอบระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (Baggage Handling System: BHS) คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคม 2566 จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการ (Operation Readiness Airport Transfer: ORAT) ในการทดสอบเต็มรูปแบบ (Full Scale Trial) เพื่อพร้อมเปิดรับผู้โดยสารภายในเดือนกันยายน 2566 ซึ่งจะช่วยลดปัญหาความแออัดคับคั่งของผู้โดยสาร
ฉบับที่ 9/2566 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 0 2535 5245, 0 2535 5240
โทรสาร 0 2535 5216
อีเมล aot_media@airportthai.co.th
เว็บไซต์ www.airportthai.co.th